ปล่อยให้คู่แข่งค่ายอื่นๆ ชิงออกอีโค่คาร์ ตัดหน้าไปก่อนร่วมปี
พี่ใหญ่ในท้องตลาดจาก Toyota จึงได้ซุ่มพัฒนา Eco Car ของตัวเอง
ภายใต้ชื่อ Yaris ที่เคยทำตลาดมาก่อนอยู่แล้ว
วันนี้ เรามาดูรีวิว ยาริส อีโค่ ติดแก๊ส กันดีกว่าครับ
ถึงแม้จะช้ากว่าเค้า แต่ก็ถือได้ว่า หมัดเด็ดที่แอบซุ่มพัฒนามาแรมปี
ซุ่มปล่อยหมัดเด็ด ถึงแม้จะช้ากว่าเค้า แต่ก็ถือได้ว่า
ค่ายอื่นๆ โดนฮุคแทบจะน็อคลงไปนับ 10 ตามๆ กัน
เพราะนอกจากหน้าตาที่ออกแบบมาได้อย่างสวยงาม ลงตัว แถมยังให้ขนาดพื้นที่
ห้องโดยสารที่ใหญ่เทียบชั้นหรืออาจจะใหญ่กว่า B-Segment หลายๆ
รุ่นในท้องตลาดเลยด้วยซ้ำ
เครื่องยนต์ก็มีการออกแบบและพัฒนาภายใต้รหัสใหม่
ในบล็อค 3NR-FE แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC
พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Dual VVT-i
ให้แรงม้าสูงสุดที่ 68 HP ที่ 6,000 รอบต่อนาที
และทอร์คสูงสุดที่ 108 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที
ในส่วนระบบเกียร์ ก็ปรับเปลี่ยนมาใช้ เกียร์อัตโนมัติ Super CVT ตามแนวทางที่ Toyota
ใช้พัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในค่ายของตัวเอง ซึ่งจะตอบสนองได้อย่างนิ่มนวล ในทุกๆ รอบ
เครื่องยนต์ ไม่เหมือนระบบเกียร์อัตโนมัติรุ่นเก่าที่อาจจะมีอาการกระชาก
หรือวูบเมื่อเกียร์เปลี่ยนให้เห็น
ก่อนที่จะมาดูในด้านหลังของตัวรถ เรามาดูด้านข้างกันก่อนนะครับ
ตัวรถมีขนาดยาวถึง 4 เมตรกว่า ซึ่งถือว่ามากที่สุดในกลุ่มอีโค่คาร์ด้วยกัน
ออกแบบมาได้อย่างสวยงามจริงๆ เล่นเอาหลายๆ คนที่ทนรอไม่ไหว เสียดายกันไปแถบๆ
ทีนี้ เรามาดูพื้นที่เก็บสัมภาระ ด้านท้ายรถของเรากันบ้างนะครับ
พื้นที่เก็บของและสัมภาระ ก็ให้มาเยอะจุใจมากกว่า Yaris ตัวเก่ามากเลยทีเดียว
มาดูหลุมใส่ยางอะไหล่ ก่อนการติดตั้งถังโดนัทกันบ้าง โดยยางอะไหล่ที่มากับรถจะเป็น
ยางอะไหล่แบบล้อกระทะขอบ 15 นิ้ว
ขนาดของหลุมใส่ยางอะไหล่ก็เผื่อไว้ให้พอสมควรเลยทีเดียว
สามารถใส่ถังโดนัทได้อย่างสบายๆ
มาดูคอนโซล ด้านในกันบ้าง ก่อนติดตั้งแก๊สนะครับ มาพร้อมกับ Start-Stop Engine
สวิทซ์ ตามแบบฉบับ รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในท้องตลาด
ได้เวลาเข้าสู่ขั้นตอนของการติดตั้งแก๊ส LPG กันแล้วนะครับ
ก่อนอื่นก็จะต้องมีการคลุมผ้ากันรอย ทั้งด้านหน้ารถและหลังรถกัน
หลังจากนั้นก็จะมีการ ฝังนอซเซิลแก๊ส ลงบนท่อร่วมไอดี
เพื่อเป็นเส้นทางให้แก๊ส สามารถไหลเข้าไปจ่ายแทนที่น้ำมันได้
จากรูปวงกลมสีเขียว จะเป็นตำแหน่งในการฝัง นอซเซิลหัวฉีดแก๊สนะครับ
ทั้งองศาและตำแหน่งของนอซเซิลแก๊ส จะต้องมีการติดตั้งอย่างเหมาะสม
เพื่อให้สามารถเติมเต็มการใช้งานระบบแก๊สได้อย่างเต็มประสิทธิภาพครับ
มาดูภาพภายหลังการติดตั้งแก๊ส เสร็จสิ้นแล้วเรียบร้อยกันนะครับ
แพคเกจที่ติดตั้งสำหรับคันนี้จะเป็นตัว Top ของอุปกรณ์แก๊สรถยนต์
จากค่าย Energy Reform รุ่น Advanced-OBD ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง
ทั้งด้าน Hardware และ Software สามารถปรับจูนการจ่ายแก๊สได้อัตโนมัติ
ผ่านการเชื่อมต่อพอร์ต OBD ของตัวรถ
มาดูกันหลายๆ มุมก่อนเฉลยว่ามีการติดตั้งแก๊ส ลงไปตรงส่วนไหนของตัวรถกันบ้างนะครับ
ในการติดตั้งต้องได้ทั้งความสวยงาม ความปลอดภัยสูงสุด และไม่เป็นอุปสรรคในการเซอร์วิส
หรือดูแลรักษารถยนต์ในภายหลังครับ
เปิดฝาครอบเครื่องยนต์ เพื่อให้ดูการติดตั้งรางหัวฉีดกัน
รางหัวฉีด จะติดตั้งอยู่ด้านใน ฝั่งเดียวกันกับท่อร่วมไอดีครับ
ท่อก๊าซที่เราเลือกใช้ จะเป็นท่อก๊าซคุณภาพสูงสุดในท้องตลาดอย่าง Parker ITR
ผลิตจากอิตาลี ซึ่งเป็นท่อก๊าซในแบบที่ค่ายรถยนต์
หลายๆค่ายเลือกใช้ผลิตรถติดแก๊สจากโรงงาน
ในมุมนี้จะเห็นหม้อต้มของค่าย Energy Reform ซึ่งเป็นรุ่น 200 แรงม้า ซึ่งให้กำลัง
เพียงพอที่จะจ่ายให้กับเครื่องยนต์ของ Yaris Eco ได้อย่างเหลือเฟือครับ
และแน่นอน เพื่อป้องกันปัญหา หากเกิดไฟฟ้ามีการลัดวงจร ระบบฟิวส์ของอุปกรณ์แก๊ส
ที่เราติดตั้งไว้จะทำการตัดการใช้งานทันที หากระบบมีปัญหาจะตัดกลับไปใช้น้ำมันเป็นหลัก
แวะมาดูการติดตั้งถังโดนัท ในส่วนของท้ายรถกันหน่อยดีกว่าครับ
ขนาดของถังโดนัทที่เราเลือกใช้จะเป็นขนาด 42 ลิตร ซึ่งจะสามารถเข้ารูปกับพรมปิดเดิม
ของตัวรถ ได้อย่างสวยงาม สามารถวางสิงของและสัมภาระได้อย่างเต็มที่ เหมือนเดิม
ภายในถังจะประกอบไปด้วยระบบวาล์วนิรภัย หรือมัลติวาล์วจากค่าย Energy Reform
ซึ่งจะทำการตัดทันทีหากระบบท่อก๊าซขาด หรือเครื่องยนต์ดับ
สามารถจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก ได้อย่างถูกต้องตามมาตรฐานการติดตั้ง
มาดูในส่วนของตำแหน่งในการเติมก๊าซกันหน่อยครับ จะเก็บซ่อนไว้เพื่อความสวยงาม
แต่เด็กปั๊มรับรองว่าสามารถเติมได้อย่างสะดวก พร้อมมีการพ่นกันสนิมให้อีกด้วย
ในส่วนของสวิทซ์ควบคุมหรือออโต้สวิทซ์นั้น ก็จะติดตั้งในตำแหน่งที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน
และสะดวกสำหรับคนขับในการเลือกใช้งานโหมดต่างๆ
ในการใช้งานนั้น หน้าตาก็แทบไม่ต่างกับสวิทซ์ของ Altis CNG จากโรงงาน Toyota เนื่องจาก
ผลิตจากโรงงานในเครือเดียวกันที่อิตาลี สามารถเลือกใช้ได้ทั้งระบบน้ำมันและ
ก๊าซด้วยการควบคุมระบบสัมผัส พร้อมบอกปริมาณแก๊สคงเหลือในถังในตัวเดียวกัน
แค่นี้ความสุขของครอบครัวจากการได้เดินทางไปท่องเที่ยวที่ไหนไกลๆ
ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมกันแล้วนะครับ